EP4 วีโคพาเที่ยว เพชรบูรณ์ ภูหินร่องกล้า ภูทับเบิก
EP4 วีโคพาเที่ยว เมืองปากน้ำโพ พระพุทธชินราช อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ภูทับเบิก วัดผาซ่อนแก้ว พิโนลาเต้ โรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า น้ำตกศรีดิษฐ์ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ศาลาดุสิตา พระตำหนักเขาค้อ เขาตะเคียนโง๊ะ เมืองเพชรบูรณ์
ช่วงก่อนปีใหม่ฤกษ์ดีวีโคใช้สโลแกน “เที่ยวก่อนกลับก่อน ไม่แย่งกันกินแย่งกันใช้” ทริปนี้เราเดินทางไปไกลจากกรุงเทพมหานครทางรถยนต์ ระยะทางรวมพันกว่ากิโลเมตร ขึ้นเขาลงห้วยเส้นทางคดเคี้ยวราดชันบุกป่าฝ่าดง นอนเต็นท์ สลับกับ นอนโรงแรม ไหว้พระเสริมสิริมงคล เข้าคาเฟ่ชิกๆ ร้านอาหารดังๆ เที่ยวสนุกไปกับวีโคครับ โค้ดลับตอนนี้ชื่อว่า วีโคแอดเพชรบูรณ์ (VEKO@Petchabun) จังหวัดที่เต็มไปด้วยภูเขา ภูทับเบิก เขาค้อ ข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่าทางลาดชันคดเคี้ยว เหมาะสำหรับการดิปเป็นอย่างยิ่งแต่ๆผมไม่ดิปนะเพราะถ้าดิปแล้วอาจตกเขาได้ 🙂
อธิบายเส้นทางภาพรวมกันก่อน เริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร เข้าสู่เมืองปากน้ำโพโอโห้ นครสวรรค์ จากนั้นเข้าสู่เมืองสองแคว แน่แน่คือ พิษณุโลก ขึ้นเขาต่อเข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ลงทางชันหน้าทิ่ม ที่ภูทับเบิก ไหว้พระวัดดังวัดผาซ่อนแก้ว ดื่มกาแฟกิบเก๋ที่พิโนลาเต้ แวะชมบรรยากาศแบบจีนที่โรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า วันต่อมา มาต่อกันที่น้ำตกศรีดิษฐ์ แล้วเข้าสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่คนไม่กล้าไปกัน แต่เราไปฝ่าดินแดงทางวิบากขุขระกับทางไปศาลาดุสิตา ไปต่อกับพระตำหนักเขาค้อ แล้วขึ้นจุดชมวิวสถานที่เที่ยวและกางเต็นท์แห่งใหม่ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่เขาตะเคียนโง๊ะ ลงจากเขาทางคดเคี้ยวเลี้ยวหักซอกไปหักซอกมาลงมาที่เมืองเพชรบูรณ์ ตามแผนจริงๆจะไปอำเภอปากช่อง ติดใจอาหารและบริการที่ ครัวเขาใหญ่ และไปนับถอยหลังขึ้นปีใหม่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (count down)ต่อ แต่พอก่อนเดี๋ยวเจอฝูงชนกลับ กทม.ดีกว่า…
เราเริ่มเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าสู่ “เมืองปากน้ำโพ โอโห้นครสวรรค์..” ไหว้สิ่งศักสิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลและเพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งปวง เพราะในทริปนี้มีเดินทางขึ้นเขา เข้าป่า เดินทางไกลด้วย เมื่อไปถึงปากน้ำโพก็ทำการไหว้ขอพรศาลเจ้าเทพารักษ์และศาลเจ้าแม่ทับทิมที่ขึ้นชื่อ ต่อจากนั้นไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารหน้าผาปลาทอดมันเป็นร้านเก่าแก่และมีชื่อเสียงร้านนึงของจังหวัดนครสวรรค์ จานเด็ดอยู่ที่ทอดมัน รสชาติอร่อยและเนื้อเด้ง หลังจากรับประทานเสร็จก็มุ่งหน้าต่อไป อุทยานสวรรค์ดูรูปปั้นมังกร นึกถึงเทศกาลแห่มังกรที่เลื่องชื่อก็คือจังหวัดนครสวรรค์นั้นเอง
- จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งเป็นจังหวัดรอยต่อของภาคเหนือและภาคกลาง หากเราต้องการเดินทางไปภาคเหนือจะผ่านจังหวัดนครสววรค์ จึงได้รับสมญานามว่าเป็น “ประตูสู่ภาคเหนือ”
- คำขวัญจังหวัดนครสวรรค์ : เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ดปากน้ำโพ
- ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่มีประวัติความเป็นมาแน่ชัดถึงการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ รวมทั้งไม่ปรากฏชื่อว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่จากหลักฐานระฆังโบราณ ได้พบจารึกเป็นภาษาจีนว่า นายหงเปียว แซ่พู่ แห่งหมู่บ้านเคอเจี้ยซัน อำเภอวุ้นอี้ (ปัจจุบัน คือ วุ้นซ้ง) มลฑลไหหลำ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมามามอบระฆังใบนี้ ในปี ค.ศ.1870 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2413 อันเป็นต้นรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 นั่นก็เท่ากับว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุมากกว่า 130 ปีแล้ว
ต่อจากนั้นเรารีบเดินทางต่อไปยัง “เมืองสองแคว แน่แน่คือ พิษณุโลก” วางแผนว่าต้องถึงก่อนค่ำ ระยะทางอีกร้อยกว่ากิโลเมตร ถ้าไปทันจะไปไหว้พระพุทธชินราช ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อไปถึงจังหวัดพิษณุโลก เราเข้าโรงแรมก่อน เป็นโรงแรมกลางเมืองชื่อ ท๊อปแลนด์ เป็นโรงแรมเก่าแก่กลางเมืองพิษณุโลก ลงมาจากโรงแรมสามารถเดินเข้าห้างเพื่อซื้อของกินของใช้ได้อีก เมื่อเราเข้าโรงแรมเช็คอินมั่นใจได้ละว่าวันนี้มีที่นอนแน่ๆจึงไปต่อที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร และได้มีโอกาสทำบุญและบูชาท้าวเวสสุวรรณ เพิ่งทำการจัดสร้างขึ้นเป็นรุ่นแรกอีกด้วย ตามความเชื่อที่ว่า ท้าวเวสสุวรรณช่วยปกป้องภัยอันตรายจากภูตผีปีศาจ ปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ให้แคล้วคลาดปลอดภัย เพราะตามแผนการเราจะเดินทางขึ้นเขาเข้าป่ากัน
- จังหวัดพิษณุโลก ชื่อของจังหวัดมาจากคำว่า พิษณุ หมายถึง “พระวิษณุ” เทพตามความเชื่อของชาวฮินดู รวมกับคำว่า โลก ทำให้มีความหมายเป็น “โลกแห่งพระวิษณุ”
- พระพุทธชินราช ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารด้านตะวันตกใน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1900 ตรงกับรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย
- คำขวัญจังหวัดพิษณุโลก: พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา
- ท้าวเวสสุวรรณ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า เจ้าแห่งภูตผีปีศาจทั้งหลาย ผู้คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ประทับทางทิศเหนือมีอสูร รากษส และภูตผีปีศาจเป็นบริวาร ซึ่งเป็นหนึ่งในท้าวโลกบาลผู้รักษาคุ้มครองโลกทั้ง 4 ทิศ รูปร่างลักษณะเป็นยักษ์และถือตะบองไว้ในมือ ท้าวเวสสุวรรณเคยถวายสัตย์ต่อพระพุทธเจ้า ว่าจะทำหน้าที่ดูแลโลกมนุษย์ ไม่ให้ยักษ์และสิ่งชั่วร้ายมารังควาน ท้าวเวสสุวรรณจึงมีหน้าที่คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์
วันรุ่งขึ้นเราเดินต่อไปที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เส้นทางขึ้นเขาแต่โดยรวมยังถือว่าไม่ยากมากนัก เมื่อไปถึงทางเข้าก็ทำการลงทะเบียน ตรวจสอบการได้รับวัคซีนจากแอพหมอพร้อมจากเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็เข้าสู่อุทยานโดยมีธรรมเนียมการเข้าดังนี้
- อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,614 เมตร สภาพภูมิอากาศของภูหินร่องกล้า มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปี สถานที่ท่องเที่ยวมีจุดเด่นทีน่าสนใจแบ่งออกเป็น 2 ด้านคือ
- ด้านประวัติศาสตร์ ได้แก่ โรงเรียนการเมืองการทหาร, สำนักอำนาจรัฐ, หมู่บ้านมวลชน, โรงพยาบาล ทั้งหมดเป็นฐานปฏิบัติการของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต
- ด้านธรรมชาติ ได้แก่ ลานหินแตก, ลานหินปุ่ม, ผาชูธง, น้ำตกหมันแดง, น้ำตกร่มเกล้าภราดร
เรามุ่งหน้าต่อไปที่ลานกางเต็นท์ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ก่อนไปถึงผ่านจุดชมวิว ภูหินร่องกล้าฮั่นแน้ว จุดชมวิวเห็นมุมสูง จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่ลานกางเต็นท์แต่แวะลานหินปุ่ม แต่เนื่องด้วยเกรงว่าจะต้องใช้เวลากางเต็นท์นานจึงถามคนที่มาเที่ยวที่เดินกลับออกมาว่าไกลไหม คำตอบคือ 700 เมตร ดังนั้นจึงรีบไปกางเต็นท์ก่อนดีกว่า เดี๋ยวฟ้ามืดจะกางไม่ทันแถมยังไม่เคยมาอีก ไม่รู้จักสถานที่ดีพอ อาจต้องใช้เวลาหาสถานที่กางเต็นท์ที่มีชัยภูมิที่ดีสำหรับการนอนอีก โอ้ววว โกทูลานกางเต็นท์กัน หลังจากไปถึงก็ขับรถวนสักสามรอบเพื่อที่จะหาจุดกางเต็นท์ ลานกางเต็นท์จะเป็นเนินและมีต้นสนปกคลุมอยู่ ไม่ได้ราบเรียบ อีกฝั่งจะเป็นลานกว้างๆแต่คนส่วนมากกางเต็นท์ที่เนินป่าสน วันที่ไปคนก็มาเยอะพอควรหาจุดที่ลงยาก ต้องไม่ไกลจากห้องน้ำด้วย เผื่อดึกๆต้องเดินไปเข้าห้องน้ำ กว่าจะหาที่ลงได้ก็ใช้เวลาอยู่นานเหมือนกัน เมื่อหาจุดกางเต็นท์ได้ ขั้นต่อมาก็ทำการหาทิศการนอน โดยใช้เข็มทิศดิจิทัลผ่านแอพบนมือถือไอโฟน ดูทิศรับลม ทิศรับแดด ว่าจะหันไปด้านไหนอย่างไร มืออาชีพจริงๆนะครับนี้ โอโห้กว่าจะได้ทิศทางการวางเต็นท์ หันไปด้านไหนก็ใช้เวลาอยู่สักพัก เอาละถึงเวลากางเต็นท์ละ เริ่มจากปูผ้าใบรองพื้นตอกสมอบกให้กางออก จากนั้นนำเต็นท์มากางซึ่งเป็นสปริงเปิดมาก็เด้งเป็นอุกรณ์ที่ไม่ต้องคิดมากแต่ๆๆก็ต้องตอกสมอบางจุดเพื่อให้อยู่กับพื้น เราก็แก้ไปแก้มาใช้เวลาอยู่สักพัก จากนั้นก็กางผ้าใบทำหลังคามีเสา 4 ต้นยาว 2 เมตร แต่เนื่องด้วย ชัยภูมิที่มีต้นสนอยู่รายล้อม งั้นเอาต้นสนเป็นเสาละกัน 😀 จะง่ายเหมือนไม่ง่ายบางจุดผูกกับต้นสนบางจุดใช้เสาที่เป็น 4 ท่อนผูกเชือกขึงให้รับน้ำหนักและกางหลังคาผ้าใบของเรา
เกร็ดความรู้ เสาสำหรับหลังคาผ้าใบยิ่งสูงยิ่งให้ความรู้สึกถึงความอลังการของเต็นท์ แต่ยิ่งสูงก็ยิ่งมีโอกาสล้มได้เพราะลมที่แรงต้องผูกให้ดีตอกสมอบกให้แน่นหนา
หลังจากใช้เวลากางเต็นท์อยู่นาน พี่เต็นท์ข้างๆก็เริ่มมาช่วย แต่สุดท้ายเราก็ทำสำเร็จครับ! เราละต้องรีบอาบน้ำแล้วฟ้ามืดละ ห้องน้ำของอุทยานโดยภาพรวมถือว่าสะอาดใช้ได้ น้ำเย็นมากเหมือนเวลาเราไปเล่นน้ำตก แล้วถ้าถูสบู่จะล้างน้ำไม่ค่อยออกเหมือนอาบน้ำแบบมีมอยเจอร์ไรเซอร์ แต่อันนี้สบู่ไม่ค่อยออกเลยลื่นๆต้องล้างให้ดีๆครับ โดยเวลาอาบน้ำแทบจะไม่รู้สึกเพราะเย็นมากๆ ใครขี้หนาวอาจร้องกรี๊ดออกมาละครับ ถ้าอยากอาบน้ำเย็นเจี๊ยบนี้ต้องมาเที่ยวอุทยานแห่งชาตินี้ละ หลังจากอาบน้ำเสร็จเราต้องไปทานอาหารเย็นกัน อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีร้านอาหารและร้านค้าให้เลือกได้สบายไม่อดอยาก เราก็เข้าร้านอาหารรับประทานเสร็จแล้วก็รีบกลับเต็นท์ครับ กินอิ่มนอนหลับ เนื่องด้วยเป็นเต็นท์เวอร์ชั่นใหม่ที่อัพเกรดมาจากเวอร์ชั่นก่อน เลยทำให้นอนสบายมากขึ้น เต็นท์ใหญ่ขึ้น มีแผ่นรองนอน มีหมอน มีผ้านวม มีหลังคาผ้าใบกันน้ำค้าง โดยรวมโอเคอยู่ แต่เมือนอนแล้วจะรู้สึกว่าที่นอนเราไม่ราบเรียบ มีเอียงทำมุมสัก 5-10 องศา คล้ายยืนอยู่แต่ก็นอนได้ครับ ตอนกลางคืนออกมาเข้าห้องน้ำ ข้างนอกลมแรงและหนาวมาก เงยหน้าดูบนฟ้า โอโห้เห็นดาวชัดมาก สวยประมาณเขาสอยดาว จังหวัดจันทรบุรีที่เคยไปกางแผนที่ดาวดูดวงดาวบนฟ้า แต่อยู่ไม่ได้นานก็ต้องรีบเข้าเต็นท์ละครับ เพราะไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ สั่นงิกๆ
รุ่งขึ้นเราเดินทางท่องเที่ยว ไปชมดูใบเมเปิลทางไปน้ำตกหมันแดง ลองออกจากภูหินร่องกล้าไปเดินเล่นแถวภูทับเบิกสักหน่อย กลับมาเดินเข้าไปชม ลานหุ่นปุ่ม ผาชูธง ที่เที่ยวไฮไลต์ของที่นี่เลยครับ เป็นหน้าผาสูงเห็นวิวได้ไกลสุดลูกหูลูกตา สวยงามมากตอนไปเวลากำลังดี วิวสวยแต่เดินหนื่อยนิดหน่อยครับ เป็นสถานที่เที่ยวของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าที่ต้องไปกัน
- ลานหินปุ่ม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผาลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน สูงประมาณ 1 ฟุต คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ ประกอบกับการขัดเกลาของกระแสลมและสายฝน
- ผาชูธง อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร เป็นยอดเขาที่มีความสูงถึง 1,614 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 รองจากภูหมันขาวและภูลมโล มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันสามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะภาพทิวทัศน์ดวงอาทิตย์ตกดินจะสวยงามไม่แพ้จุดชมทิวทัศน์อื่นๆ
เส้นทางขากลับแวะโรงเรียนการเมืองการทหาร เป็นเหมือนหมู่บ้านที่สมัยก่อนเป็นที่พักอาศัยและให้การศึกษาของลัทธิคอมมิวนิสต์ เดินชมเสร็จก็กลับไปเต็นท์ที่พักกัน
- โรงเรียนการเมืองการทหาร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 6 กิโลเมตร มีสภาพเป็นป่ารกทึบหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์
วันต่อมาเราเดินทางลงทางด้านภูทับเบิก ทางชันและคดเคี้ยวมากคล้ายเล่นรถไฟเหาะ ลงหน้าทิ่ม ขึ้นหลังติดเบาะ ได้ใช้เกียร์รถครบเลย จาก D ลงมาอีก 3 ขั้น ได้ใช้หมด ใครอยากฝึกขับรถหมุนพวงมาลัย และ ใช้เกียร์ครบทุกเกียร์ก็ที่นี้ละครับ ภูทับเบิก เดี๋ยวจะหาว่ารถมีแต่เกียร์เดินหน้า เกียร์ดี (D) แล้วเกียร์อื่นไว้ทำไรกัน… หลังจากเที่ยวภูทับเบิกกะจะแวะจุดวัดอุณหภูมิก็ได้แวะโรงเรียนอนุบาลภูทับเบิกแทน เซย์ฮัลโหลกับคุณครูแล้วถามทางประหนึ่งเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ฮา คุณครูบอกว่าเลยมาไกลละ ทางชันเกิ๊นนน เราก็กลับรถในโรงเรียนแล้วหมุนออก ฮาาา 🙂 เคเคเลยแล้วก็แล้วกัน ลงต่อเลยละกันจุดมุ่งหมายของวันนี้คือวัดผาซ่อนแก้ว วัดชื่อดังของจังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อนถึงวัดก็แวะชิม ขนมจีนกันสักหน่อย ได้เส้นขนมจีนหลายสีและน้ำยาสามหม้อ เอามาเลือกราดกันได้ตามสบายเลยครับ
จากนั้นเราก็เข้าไปไหว้พระและถ่ายรูปวัดผาซ่อนแก้ว มีโอกาสได้ทำบุญสร้างอุโบสถและซื้อที่ดินถวายวัด โอกาสดีได้มาวัดก็ร่วมทำบุญสักหน่อยได้พระติดตัวกลับบ้านมาด้วย หลังจากเราเที่ยววัดสถานที่ต่อไปคือ ไปดื่มเครื่องดื่มและนั่งชมวิวที่พิโนลาเต้ คาเฟ่สุดชิกที่ตอนนี้มีโรงแรมให้พักและเป็นร้านอาหารอีกด้วย บรรยากาศบนเขาอากาศเย็นสบายมีวิวทิวทัศน์ให้ชมอีกต่างหาก หลังจากนั่งชมวิวดื่มเครื่องดื่มเสร็จ ยังไม่สุดนะ เพราะเราจะไปสุดๆกว่านั้นกับ โรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า ไปชมบรรยากาศแบบจีนที่มีขุนเขาเป็นวิวทิวทัศน์ให้ชมกัน หลังจากนั้นเราก็ต้องไปเช็คอินเข้าที่พักและรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารมีชื่อของเขาค้อ คือ ครัวนายต๋อยเขาค้อ
วันต่อมาเราเดินทางต่อไปที่น้ำตกศรีดิษฐ์ แล้วไปต่อที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ตอนแรกกะว่าจะไปทานอาหารกลางวันที่ทุ่งแสลงหลวง ตอนไปถึงเจ้าหน้าที่ขอตรวจแอพหมอพร้อมว่า ฉีดวัคซีนโควิดครบสองเข็มกันไหม เราฉีดมาเรียบร้อย จึงคุยกับเจ้าหน้าที่ว่ามีอะไรให้เที่ยวมั้ง ถ้าเข้าไปแล้วขอขับรถสำรวจพื้นที่กางเต็นท์ได้ไหมเผื่อโอกาสหน้าจะมากางเต็นท์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าขับวนดูได้ ส่วนสถานที่เที่ยวคือ ศาลาดุสิตา พร้อมอธิบายแผนที่ว่า ห่างจากที่ทำการอุทยาน4กิโลเมตร ส่วนอีกจุดคือ ทุ่งนางพญาห่างออกไป 14 กิโลเมตร แต่ต้องขับรถแบบขับเคลื่อนสี่ล้อถึงจะไปถึง โอเคด้วยความหิวข้าวเราจึงรีบเข้าไป ทางเข้ามีร้านขายของชำที่เขาว่ากันว่ามีทุกอย่างสำหรับทำอาหารทานเอง ในใจคิดว่าน่าจะมีร้านอาหารแบบภูหินร่องกล้าบางละน้าแต่ไม่มีครับ สรุปคือรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทน
โอเคหลังจากรับประทานเสร็จก็ขับรถวนๆสถานที่กางเต็นท์ก็ได้ข้อสรุปว่า ถ้าจะมากลางเต็นท์ที่นี้ควรเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารมาให้พร้อมเพราะไม่มีอะไรขาย หลังจากเดินชมวิวก็คิดว่าไหนๆมาละลองเข้าไปศาลาดุสิตาหน่อยดีกว่า ดังนั้นเพื่อความชัวร์ก็เข้าไปสอบถามและลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ ได้บัตรผ่านมาใบนึงพร้อมเบอร์โทรในบัตร หากรถไปไม่ถึงกลับมาไม่ได้ให้ติดต่อมา เจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปช่วย เบอร์โทรหลักผมเป็นดีเทค (DTAC) มีสัญญาณไหม ไม่มีครับแต่ผมมีอีกเบอร์คือเอไอเอส (AIS) โอเคถ้าไปติดก็รอดละ มีเบอร์ที่ติดต่อได้ งั้นเราไปกัน ศาลาดุสิตา ลองมองไปไกลๆ เห็นฝุ่นตลบอบอวลสีส้ม นั้นแหละเส้นทางไปดาวอังคาร.. เอ้ยไม่ใช่ศาลาดุสิตา
หลังจากเข้าสู่เส้นทางสู่ศาลาดุสิตา เราก็พบกับดินลูกรัง สีส้มคล้ายกับสีส้มแบบดาวอังคาร พูดเหมือนเคยไปมาแล้ว ฮา แล้วทางก็ขรุขระหนักขึ้นเรื่อยๆ โยกไปโยกมาทดสอบโช็คอัพของรถว่าพร้อมไหม มีหลุมลึกๆที่เราต้องขับหลบซ้ายหลบขวาหลบข้างหน้าเพราะนานๆจะมีรถส่วนกลับมาพร้อมกับฝุ่นสีส้มตลบอบอวนไปหมด หน้าต่างรถปิดให้ดี กรองแอร์เพิ่งเปลื่ยนก่อนมาสงสัยจะเปลี่ยนสีจากขาวเป็นส้มแน่ๆ ฮา ถ้าไม่ระวังคงติดหลุมลึกแถวนี้กลับไปไม่ได้เป็นแน่แท้ โอเย้… ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ จุดชมวิวศาลาดุสิตา ภาพตรงหน้าเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม แต่เงียบเพราะไม่ค่อยมีคนเข้ามาสักเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ได้รู้สึกตื่นเต้นถึงการผจญภัย (Adventure) สักหน่อย
- ศาลาดุสิตา อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงสลวง ประมาณ 4 กิโลเมตร โดยต้องขับรถขึ้นเขาผ่านถนนดินลูกรังขึ้นไป จึงแนะนำให้ใช้รถสูงที่มีกำลังดีเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อใต้ท้องรถ
- จุดชมวิวศาลาดุสิตา อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ พิกัดตามกูเกิ้ลแมพและภาพถ่าย
หลังจากออกจากศาลาดุสิตา นำบัตรผ่านไปคืนเจ้าหน้าที่จะได้ทราบว่ากลับออกมาแล้ว จากนั้นเราเดินทางต่อไปพระตำหนักเขาค้อ เดินเที่ยวอยู่สักพัก ชมพระตำหนักและบรรยากาศที่เป็นระเบียบเรียบร้อยต้นไม้สวยงาม จากนั้นเราไปต่อกันกับ สถานที่เที่ยวแห่งใหม่จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะเป็นทางผ่านเข้าสู่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ถือว่าเป็นจุดกางเต็นท์ที่น่าสนใจอีกที่นึง เนื่องจากเป็นเขาแล้วทำพื้นที่บริเวณรอบยอดเขาเป็นจุดกางเต็นท์ มีแบ่งล็อคให้เป็นระเบียบและมีห้องน้ำไว้ให้บริการ รวมทั้งสามารถสั่งหมูกระทะมานั่งรับประทานท่ามกลางบรรยากาศกลางเต็นท์บนเขาและมีอากาศที่เย็นสบายอีกด้วย
หลังจากลงจากเขาตะเคียนโง๊ะเราเดินทางเข้าอำเภอเมืองซึ่งเส้นทางที่เข้าเมืองต้องข้ามภูเขาลูกแล้วลูกเล่า โค้งไปโค้งมากว่าจะถึงโรงแรมที่พัก เราเข้าทำการเช็คอินก่อนแล้วออกไปทานอาหารร้านขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบูณ์ ร้านกวงข้าวต้ม ตอนแรกนึกว่าขายข้าวต้มแต่เข้าไปสิ่งที่แรกที่เจอคือเป็ดพะโล้ แต่จริงๆมีอาหารเมนูหลายอย่าง รสชาติอร่อย สะอาดใช้ได้ดีสมเป็นร้านดังครับ
วันรุ่งขึ้นตามแผนเราต้องเดินทางต่อไปที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และได้ทำการจองและชำระเงินลานกางเต็นท์ไว้ล่วงหน้าแล้ว กว่าจะจองได้ไม่ง่ายด้วย แต่เปลี่ยนใจกลับ กรุงเทพมหานคร เนื่องจากไม่อยากเจอฝูงมหาชนชนวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ ในขณะที่โควิดสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนเริ่มระบาดและภาครัฐมีการวางแผนให้หลังจากหยุดยาวช่วงปีใหม่ให้กลับมาทำงานที่บ้านเพื่อป้องกันการติดต่อโรคระบาดสายพันธุ์ที่แพร่ได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม เป็นอันว่าจบวีโคพาเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์กันเพียงเท่านี้ครับ
สรุป เที่ยวหลายจังหวัดเน้นไปทางภูเขา ขึ้นเขาเข้าป่า สิ่งที่สัมผัสได้คือ อากาศเย็นสบายบรรยากาศป่าสน ของภูหินร่องกล้า รวมทั้งไปนอนเล่นพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์แล้วยังมีร้านอาหารไว้ให้บริการอีกด้วยครับ เป็นประสบการณ์การเดินทางที่ไกลได้สัมผัสที่เที่ยวใหม่ๆหลายที่เป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตจริงๆ 🙂 (Experience Thailand, once in a life time) ต้องลองไปเที่ยวกันดูสงสัยอะไรสอบถามได้นะครับ วีโคพาเที่ยวตอน4 ต้องเซย์กู๊ดบายแต่เพียงเท่านี้เจอกันใหม่ตอนหน้าขอรับ
ป.ล หลายท่านคงสงสัยว่า ep1 แล้วมา ep4 แล้ว ep2-3 ไปไหน เดี๋ยวจะมาเร็วๆนี้ครับ coming soon 🙂
อ้างอิง
- อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (Thung Salaeng Luang)
- จังหวัดพิษณุโลก
- อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
- ท้าวเวสสุวรรณ
- คาถาไหว้ท้าวเวสสุวรรณ พร้อมรายชื่อ 40 สถานที่ ไปไหว้ขอพรทั่วไทย
- คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ สวด 9 จบ ปัดเป่าสิ่งอัปมงคล บันดาลโชคลาภ
เมืองปากน้ำโพ, พระพุทธชินราช, อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า, ภูทับเบิก, พระตำหนักเขาค้อ, วัดผาซ่อนแก้ว, พิโนลาเต้, โรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า, น้ำตกศรีดิษฐ์, เขาตะเคียนโง๊ะ, อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง, ศาลาดุสิตา